
โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ (Koko Global Hospitality) บริษัทรับบริหารโรงแรมครบวงจรสัญชาติญี่ปุ่น เปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบพร้อมวางโครงสร้างธุรกิจใหม่ ให้บริการบริหารจัดการโรงแรมภายใต้แบรนด์ โคโคเทล (Kokotel), วิฟเทล (VIVTEL), บาย โคโค (by Koko) และภายใต้แบรนด์เจ้าของโรงแรมเอง ด้วยโมเดล Centralized Operation พร้อมมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์ม ‘โคโค รีวอร์ด (Koko Rewards)’ ลอยัลตี้โปรแกรม ช่วยมอบความสุขและมอบสิทธิประโยชน์กลับคืนให้ทั้งแขกผู้เข้าพักและเจ้าของโรงแรม ขับเคลื่อนการทำงานด้วยพันธกิจ ‘F+O+W -> GL บริหารจัดการงานแบบเพื่อนแบบครอบครัวด้วยความจริงใจและจริงจังอย่างมืออาชีพ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ว้าวและคุ้มค่า สู่การเติบโตอย่างมั่นคงในฐานะ ‘Professional Operating Firm’ บริษัทรับบริหารจัดการโรงแรมมืออาชีพในอุตสาหกรรมโรงแรม เตรียมพร้อมเป็นแบรนด์บริหารโรงแรมระดับสากล ใน 6 ทวีป 10 ประเทศ และมีโรงแรมในเครือรวม 1,000 แห่ง

.jpg)
● โคโคเทล (Kokotel) แบรนด์โรงแรม 3 ดาว ในคอนเซปต์ Bed & Café สำหรับลูกค้ากลุ่มเพื่อนและครอบครัว
● วิฟเทล (VIVTEL) แบรนด์โรงแรมพรีเมียมไลฟ์สไตล์ 4 ดาว ที่ออกแบบในไอเดีย Our Space สร้างพื้นที่ที่คำนึงถึงทุกความต้องการสำหรับคู่รัก และมีล็อบบี้ที่ดีไซน์ด้วยธีม Wine Bar
● บาย โคโค (by Koko) บริการบริหารจัดการโรงแรมแบบครบวงจร โดยบริหารภายใต้แบรนด์ของเจ้าของโรงแรมและแขกผู้เข้าพักยังสามารถเข้าร่วมลอยัลตี้โปรแกรม ‘โคโค รีวอร์ด (Koko Rewards)’ ที่กำลังพัฒนาอยู่ได้ด้วย
● บริการบริหารโรงแรมภายใต้แบรนด์ของเจ้าของโรงแรมเอง
“แนวทางการจัดตั้งบริษัทขึ้นมา คือการยกระดับธุรกิจไปสู่จุดที่สูงกว่าเดิมในอุตสาหกรรมโรงแรม เราสร้างพันธกิจของตัวเองขึ้นมาตามแนวคิด ‘F+O+W -> GL’ โดยเริ่มจากการบริหารโรงแรมแบบเป็นเพื่อน เป็นคนในครอบครัว บริหารจัดการงานด้วยความจริงใจและจริงจังอย่างมืออาชีพ และในฝั่งเจ้าของโรงแรมก็จะได้ว้าวกับผลตอบแทนที่ได้รับ ซึ่งในท้ายที่สุดบริษัทจะเติบโตอย่างมั่นคงไปสู่ระดับโลกและได้รับการยอมรับในฐานะ ‘Professional Operating Firm’ ของธุรกิจโรงแรม”
.jpg)
ทำให้พนักงานที่อยู่ประจำที่โรงแรมจึงเป็นพนักงานที่เกี่ยวข้องกับงานส่วนปฏิบัติการเท่านั้น อาทิ แม่บ้าน เชฟ ช่างซ่อมบำรุง พนักงานต้อนรับ โดยจะมี Resident Master ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างสำนักงานใหญ่ (Headquarter) จึงเรียกได้ว่าโมเดลธุรกิจ Centralized and Property Operation Management สามารถช่วยลดต้นทุนจากการว่าจ้างพนักงานและสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้กับเจ้าของโรงแรม ตอบโจทย์โรงแรมขนาดกลาง ที่มีจำนวนห้องพักอยู่ระหว่าง 50-200 ห้อง ซึ่งแตกต่างจากการบริหารโดยแบรนด์โรงแรมขนาดใหญ่ที่มีค่าบริการส่วนบริหารงานและมีค่าต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) จากการว่าจ้างพนักงานประจำในโรงแรมสูง
ทั้งนี้ การรวมแบรนด์โรงแรมทั้ง 3 มาไว้ในบริษัทเดียวกัน ทำให้บริษัทสามารถสร้างอีกความว้าวที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแขกผู้มาใช้บริการ ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์ม ‘โคโค รีวอร์ด’ (Koko Rewards) ลอยัลตี้โปรแกรมที่ให้ทุกแบรนด์ภายใต้การบริหารของโคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ สามารถเข้าร่วมได้ทั้งหมด โดยแขกผู้เข้าพักจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากการเข้าพักโรงแรมในเครือกว่า 2,000 ห้อง ในขณะที่เจ้าของโรงแรมจะได้รับกลุ่มลูกค้า Repetition Guest เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันต้องยอมรับว่าแพลตฟอร์มนี้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเพิ่มรายได้ให้กับเจ้าของโรงแรม อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนในการทำตลาดได้อย่างมหาศาลอีกด้วย โดยโคโค รีวอร์ด จะมีแผนจะเปิดให้บริการในอนาคตอันใกล้นี้

เรย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือบริษัทมองว่าความสำเร็จของเจ้าของโรงแรมคือเป้าหมายที่สำคัญที่สุด บริษัท จึงได้ตั้งแนวคิดให้บุคลากรทุกคนรู้คุณค่าของตัวเอง และนำคุณค่านั้นมาปฏิบัติต่อลูกค้าในทุก ๆ ด้าน อาทิ การชี้ถึงจุดที่ต้องพัฒนาร่วมกัน การเชื่อในความสามารถของอีกฝ่าย ทำงานร่วมกันด้วยความจริงใจและเคารพกัน รวมถึงความตั้งใจทำทุกหน้าที่ให้สำเร็จและติดตามผลอยู่เสมอ
“ความจริงใจเหล่านี้ เป็นสิ่งที่บริษัทมีให้เจ้าของทุกโรงแรมที่เข้าไปบริหารเพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จร่วมกัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงจากการไม่มีความรู้ในการบริหารสู่การบริหารที่ชำนาญ ให้โรงแรมโตเองได้แม้ไม่มีเวลาบริหาร และได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยการลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ”
No comments:
Post a Comment