![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhSXnexbiCjNkm9pBIg8oAbwGHmdslr-0CtHc5LCCQoy7rfcZtv_chgey8--XF1sB196zRHeLeyLeD-bBL5_b8V5Yxe_yhFKnJxGKaxnIVem0W2MK9z63OBsb1pZYKmPXrl2rD8t732O5mCaOvji49wsX54_8mEe_v6X5HycvofkPwV8o-6v02l9tUq/s16000/samui2.jpg)
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ลงพื้นที่เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี เมื่อวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน การยกระดับศักยภาพชุมชมเกาะสมุยด้วยวิจัยและนวัตกรรม โดยสนับสนุนการนำ BCG Economy Model เป็นทิศทางสำคัญในการสร้าง BCG Farming ให้พื้นที่ต้นแบบการพัฒนาภายใต้โครงการ “การพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลาน้ำจืดเพื่อการส่งเสริมเศรษฐกิจและสร้างอาชีพผ่านกระบวนการผลิตกุนเชียงปลาดุกไขมันต่ำในบรรจุภัณฑ์แบบสุญญากาศ” ดำเนินการโดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ และ “ศูนย์ BCG ต้นแบบเพื่อการสร้างชุมชนพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน” ดำเนินโครงการโดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า โครงการข้างต้น มีเป้าหมายในสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนต้นแบบ BCG Farming ในเกาะสมุย โดยบูรณาการงานวิจัยและนวัตกรรมในหลายมิติ ได้แก่
-การใช้ชุดความรู้ เทคโนโลยี กระบวนการ เทคนิควิธี เพื่อพัฒนาผลผลิตและผลิตภัณฑ์
-การสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนต้นแบบ
-การพัฒนาคู่มือการเรียนรู้ การถ่ายทอดและการอบรม
-การสร้างโอกาสทางการตลาด
โดยการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบดังกล่าว ให้เกิดห่วงโซ่การผลิตแบบครบวงจร เพื่อทำให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้ มีผลผลิตและผลิตภัณฑ์ที่มีกระบวนการผลิตที่เป็นมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ ใช้โอกาสจากศักยภาพของพื้นที่เกาะสมุยที่เป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศและมีความต้องการผลผลิตทางการเกษตรจำนวนมาก ในการใช้โอกาสจากพื้นที่ต้นแบบ BCG Farming ในเกาะสมุย สร้างผลผลิตและผลิตภัณฑ์เสริมความต้องการดังกล่าว จากสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้เป็นรูปแบบของการขยายผลพื้นที่ต่อไปในอนาคต
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi4un1euozBJ_zb0qm-cquc4cEnqdFLCFnuzG2HJiseDqowvHQWj_inuOWLqGIer73EYhFgWnVrrRpRZp3HiCyLwAai5ock88CLFQfoGUQDDkwOx_flvYcN5pdvMQSeKh9k_zJjns155xCZp36mrfloCURbfBFusHr7nWpQ7HlxIH_HVnswfjILifm8/s16000/samui3.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdQa8m8RzWAQSvUtlirgHDIx27m7QXTwejkX0BgWCdfmxz1S0C3yRv-qiPMBrBz-inRJqD2_nbtbzfzNsjt4FGZlqB624vFRVSZKCTgQu5XAljqi9WHmOXzxknH5nztiDqRai0z0xJguHwKoXfWQa7lDmORaO6Pg0jgruNJ6JfSWhDtApu661DZS4V/s16000/samui5.jpg)
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนวิทย์ ลายิ้ม กล่าวว่า ปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ได้เติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของอาหารกลายเป็นส่วนหนึ่งของความนิยมในการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ หลายพื้นที่นำอาหารประจำถิ่นมาเป็นแรงจูงใจดึงดูดนักท่องเที่ยว ด้วยหน้าตา รสชาติ วัตถุดิบ ที่มีความแปลกใหม่เพื่อสร้างความโดดเด่น ในประเด็นนี้ มทร.กรุงเทพ จึงใช้การวิจัยและพัฒนาเปลี่ยนเมนูอาหารพื้นบ้าน เป็นอาหารเมนูพรีเมียม จากวัตถุดิบการเกษตรที่มีในศูนย์การเรียนรู้ โดยในครั้งนี้ได้ผลผลิตทางการเกษตร จากพื้นที่ต้นแบบและศูนย์การเรียนรู้ในวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ มารังสรรค์เมนูเพื่อสร้างมูลค่าและโอกาส สำหรับให้สถานประกอบการได้ใช้เป็นต้นแบบในซื้อผลผลิตจากชุมชน ไปแปรรูปเพื่อการจำหน่าย
ดร.ศุภวัฒน์ ชูวารี หัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า โครงวิจัยนี้ได้เพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์จากทรัพยากร พื้นที่ต้นแบบและศูนย์การเรียนรู้ ในวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ ซึ่งเป็นการส่งเสริมการตลาดและผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค ถือเป็นการมุ่งยกระดับกลุ่มเกษตรกรโดยรอบพื้นที่ ให้สามารถแปรรูปผลผลิตจากองค์ความรู้ในการวิจัย ช่วยเพิ่มมูลค่าและเชื่อมโยงตั้งแต่กระบวนการผลิต การจำหน่าย การแปรรูปอย่างครบวงจร
ดร.รจนา ตั้งกุลบริบูรณ์ กล่าวว่า โครงการศูนย์ BCG Farming ได้ดำเนินโครงการตลอดห่วงโซ่ ทั้งต้นน้ำคือ เกษตรกรรม กลางน้ำคือ การแปรรูปอาหาร การแปรรูปเครื่องสำอาง ปลายน้ำคือ บรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติ บนฐานทรัพยากรที่มีในท้องถิ่น ผ่านการขับเคลื่อนโดยชุมชนในท้องที่ สู่การสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง และยั่งยืน
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg-kUT8WMZzDBbaM8xhtokJ_ZRh_h2C7cfB0CB9YFqIK8CVMfVgFbLjRZdounE_N6IvcTUOGXIpQHzrnd-N_VZaBExhewazNjytP_lXwbAcLFa2QgXLvGpTbioXSF0f-gkZzYfNixI4bYpD-WU9o0Heep3REeSz8JsC4YAyJ1GbjZFnvJVKHvVSJeVV/s16000/samui.jpg)
No comments:
Post a Comment