โรงเรียนนานาชาติแอสเตอร์ กรุงเทพ หรือ ASTER INTERNATIONAL SCHOOL Bangkok จัดงาน Open House เปิดบ้านให้ทุกคนได้สัมผัสความเป็นโรงเรียนนานาชาติระบบสหราชอาณาจักร (British Curriculum) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งเชื่อมต่อถนนหลักอย่างสาธุประดิษฐ์ และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ และเพียงไม่กี่นาทีจากถนนสีลม สาทร และย่านสุขุมวิท ย่านธุรกิจ ตอบโจทย์การเดินทางของพ่อแม่ผู้ปกครอง![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiMjU4W1H1P1-AuKIaBeCm-vkwwetHoGZyNQpUyBxW4IP7uAx85Sfp_kvUVT7n9d0rk-qbzqaTbz7xLhE9d1ieu7m9l3CYr3QV1up2YeWwv37EUNU88YbQc_jeWL_fN8yLvsHH7L8SHpzxyQL9j9WU91ZYIjXdgodnbMCSQdDkB3UhAV-YiIvfFiGj2/s16000/as.jpg)
เสริมความแข็งแกร่งด้วยประสบการณ์ของผู้ก่อตั้ง ดร.ปาริตา เสือพันธ์ ที่จบการศึกษาปริญญาเอกด้าน Comparative and International Education จาก Teachers College, Columbia University มหาวิทยาลัย Ivy League ชื่อดัง และคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการศึกษา และการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน ซึ่งมาพร้อมกับความมุ่งมั่นในการพัฒนาเด็กให้ก้าวสู่ความเป็น “พลเมืองโลก” ที่มีคุณภาพ ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โรงเรียนนานาชาติ แอสเตอร์ กรุงเทพ กลายเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องการมอบโอกาสทางการศึกษาคุณภาพมาตรฐานระดับสากลให้แก่บุตรหลานในยุคนี้
ดร.ปาริตา เสือพันธ์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนนานาชาติแอสเตอร์ กรุงเทพ (ASTER INTERNATIONAL SCHOOL Bangkok) เปิดเผยว่า โรงเรียนนานาชาติแอสเตอร์ กรุงเทพ นำเสนอความโดดเด่นในเรื่องการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรการศึกษาระบบสหราชอาณาจักร ซึ่งได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าเป็นระบบที่สามารถมอบการศึกษาที่รอบด้าน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเติบโตที่มีคุณภาพให้แก่เด็กๆ โดยชูเรื่องการศึกษา “แบบองค์รวม” ที่จะช่วยพัฒนาเด็กนักเรียนทั้งด้านวิชาการและด้านอารมณ์ มุ่งเน้นการจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับบริบทต่างๆ ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อช่วยให้เด็กมีความพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในอนาคต และพัฒนาเด็กให้ก้าวสู่ความเป็น “พลเมืองโลก” หรือ “Global Citizenship” ในศตวรรษที่ 21 อย่างมีคุณภาพ
![](https://lh3.googleusercontent.com/blogger_img_proxy/AEn0k_uMbhEFFaG0kwFx7iRLQk1e71Z-cq-PuG9myR_SpcCiVECbeRYDKmmMIWk-fiT0zxGUKLMMeb3cP5snMPzQJGn_9vB3xWtr0Gmb20gM_DDv0-JAocjdcVOUrEqYB6pcWKrDIXA7=s0-d)
จากเป้าหมายดังกล่าว โรงเรียนจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมทักษะด้าน “ภาษา” ให้กับเด็กๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการหาความรู้ และปฏิสัมพันธ์กับคนทั่วโลก และทำให้เด็กสามารถรับความรู้ได้จากหลายทาง ทั้งเป็นประตูในการก้าวสู่ความรู้ใหม่ๆ ซึ่งไม่เพียงภาษาอังกฤษ แต่ยังรวมถึงภาษาอื่นๆ ที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะภาษาไทย โดยโรงเรียนได้นำหลักสูตรภาษาไทยสำหรับโรงเรียนนานาชาติ ของกระทรวงศึกษาธิการ มาพัฒนาให้แข็งแรงขึ้นและบรรจุเป็นหนึ่งในวิชาพิเศษให้เด็กๆ ได้รับการเสริมทักษะทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน เพื่อแก้ปัญหาการขาดทักษะการสื่อสาร “ภาษาไทย” ที่มักเกิดขึ้นกับเด็กที่จบจากโรงเรียนนานาชาติ โดยหนึ่งในวิธีที่นำมาใช้คือ ตั้งกฎให้เด็กทุกคนต้องอ่านหนังสือภาษาไทยให้จบปีละเล่ม ตามความเหมาะสมของแต่ละช่วงวัย เพื่อเพิ่มโอกาสในการหาความรู้ และการทำงานในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่อาศัยและเติบโตในประเทศไทยในระยะยาว นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการเสริมทักษะด้วยภาษาทางเลือกอื่นๆ โดยมีการบรรจุหลักสูตรภาษาจีนกลาง และภาษาฝรั่งเศส เข้าไปในระบบการเรียนการสอนตั้งแต่ Year1 เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายสร้างเด็กสู่การเป็น “พลเมืองโลก” ที่มีคุณภาพ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhA0CYhZv22DlaPDrVMheFjhnfIowKyYmpD_DrZk_aIq9Mfg3-zzlqKdQOK6GCsRdKZ_OBZ4q3RwTYyeZyzWg2WBfek4k4C2KkZei7nK4F3UyCGtSxYBQGoL5WerN1tSw7XiH3Sn3AfV-Z_j0zMMWdeJnHKDls0iLYD1FJzFK82f7w3mUqqLCJJ-ewS/w426-h640/as22.jpg)
โรงเรียนนานาชาติแอสเตอร์ กรุงเทพ มีวิสัยทัศน์ มุ่งสร้างเด็กที่นอกจากมีความฉลาดแล้ว ต้องให้เด็กมีความตระหนักรู้ถึงตัวเองและสังคม และความปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกของสังคมทั้งสังคมท้องถิ่นและสังคมโลก ซึ่งสะท้อนจากชื่อโรงเรียนที่มาจาก “ดอกแอสเตอร์” สัญลักษณ์ที่แสดงถึง Wisdom และ Love คือ เป็นโรงเรียนที่สร้างเด็กที่มี Wisdom และสร้างโรงเรียนด้วยความรัก นอกจากนี้ ดอกแอสเตอร์ยังเป็นสัญลักษณ์ของ Star นั่นคือการส่งให้เด็กไปถึงดวงดาว ให้เขาส่องแสงและเติบโตขึ้น
ดร.ปาริตา กล่าวว่า เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายดังกล่าว โรงเรียนมีการผลักดันให้เด็กๆ ได้สร้างสรรค์กิจกรรมที่มุ่งให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกันกับชุมชน และสังคมรอบตัว โดยเน้นกิจกรรมที่ Empower ซึ่งกันและกัน อาทิ การวางแผนกิจกรรมในอนาคตให้นักเรียนได้ออกไปสอนภาษาอังกฤษให้กับน้องๆ ที่หูหนวกและให้น้องๆ ได้มีโอกาสสอนภาษามือ หรือปัจจุบันเด็กนักเรียน Year 6 มีการจัดกิจกรรมอ่านหนังสือหรือนิทานให้น้องๆ Early Years ฟังทุกสัปดาห์ซึ่งจะช่วยสร้างสังคมแห่งการให้และรับให้เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง
![](https://lh3.googleusercontent.com/blogger_img_proxy/AEn0k_tInnH-I8gtYNuE4EQhsGQQUiyFZdN_Q0NfjKhzUY1I1-ZC2zYC4dGboJGOUjB9SNBB_W6Btm_1aR6HWH9D3rO706VSWIqQ7OLIWZubKsMvRPTLXJvz1N9qWW8OaJ3xL0vaOoNS4Lk=s0-d)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjjcaCZk7erpy-Evpmo8b4P1GQrE5TM9BvwFDfNbcFolYfnk1l9j7xvlSgGXmbeYngUP9DqdCtYbZyeXFmJdFJLbu7qqNHAcEIfJW9XS96BYAbYXjICVBityOLEdgPlQ2FWcE_hA3wzHqDbuTFTT3nbj7FufWYHotaZQtRk2Rtm0aVkNSmKiID0BhkP/s16000/as23.jpg)
อีกความโดดเด่นที่แตกต่างจากโรงเรียนนานาชาติทั่วไป คือ ความเป็น “Inclusive School” หรือความเป็นอินเตอร์ของโรงเรียนนานาชาติแอสเตอร์ กรุงเทพ ที่อยู่ในระดับสูง ด้วยมีนักเรียนจาก 37 ประเทศ และมีสัดส่วนของเด็กชาวต่างชาติที่สูงถึง 50% ซึ่งมาจากความเชื่อมั่นในเรื่องคุณภาพของครู บวกกับการมีหลักสูตรภาษาจีนและฝรั่งเศษ ที่ทำให้โรงเรียนเป็นตัวเลือกแรกๆ ของพ่อแม่ผู้ปกครองของกลุ่มบริษัทข้ามชาติในประเทศไทย
ดร.ปาริตา กล่าวว่า โรงเรียนนานาชาติแอสเตอร์ กรุงเทพ ยังให้ความสำคัญกับเรื่อง “การออกแบบ” เพื่อสร้างสรรค์ออกมาเป็นสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพเด็กอย่างรอบด้านอย่างแท้จริง ซึ่งได้ DWP บริษัทออกแบบภายในพร้อมรางวัลการันตีในระดับโลก ที่มีประสบการณ์การออกแบบด้านการศึกษา มาเป็นผู้ออกแบบพื้นที่ห้องเรียน และ Learning Space โดยเน้นให้พื้นที่สำหรับการเรียนการสอนเชื่อมโยงกับพื้นที่สีเขียวภายนอกอาคาร ภายใต้คอนเซ็ปต์ “จากห้องเรียนสู่ธรรมชาติ” หรือ Learning Beyond Limit เพื่อไม่ให้การเรียนรู้ของเด็กๆ ถูกปิดกั้นแค่ในห้องสี่เหลี่ยม แต่เปิดโอกาสการเรียนรู้อย่างไร้ขีดจำกัด นอกจากนี้ ยังเสริมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตั้งแต่ อาหาร ที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพ และรสชาติ, ห้องประชุมใหญ่ Auditorium, สระว่ายน้ำ, สนามบาสเก็ตบอล, สนามฟุตซอล, ห้องดนตรี ฯลฯ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาทักษะทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนของเด็กอย่างรอบด้าน
![](https://lh3.googleusercontent.com/blogger_img_proxy/AEn0k_vNCiYG4jKHipzo9H2Glw3JvbWYi3w1Z4J7tmAjnEWBdoIY6iU68Yc6pkNaFsidYJ5nFuQorJFtnSOjDsb4hP_ThRmgc9zEeUeRkwNwVrHYpa334BcRG6dEKLiuun510aUbqL3lXlg=s0-d)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIhqRJAwu_tzKjNIMyLp6T4cutvwjSLJIZY8KzlESWmud-us3NLpMX5QSvCICHrPjndaJsVRQfpBeptVPiYxTRcHoI84Ps5dOgULDdc3LvYEAqih6wDijRrEZlmSSgm3tmOL8eYzIxoO7WW9PU8OTHBSBvUjN7pkwJ51-YX1ISjXWuIiPx-gsZyvfy/w426-h640/as24.jpg)
โรงเรียนนานาชาติแอสเตอร์ กรุงเทพ เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้น Nursery-Year 13 โรงเรียนให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องคุณภาพ โดยปัจจุบันโรงเรียนมีครู 30 คน และผู้ช่วยครูอีก 11 คน ซึ่งครูประจำชั้นและประจำ Core Subjects ทุกคนต้องมีประกาศนียบัตร QTS (Qualified Teacher Status) จากประเทศอังกฤษ ซึ่งจากการตอบรับที่ดีจากพ่อแม่ผู้ปกครอง ทำให้มีเด็กนักเรียนเข้ามาสมัครเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โรงเรียนตั้งเป้าในการรับนักเรียนจำนวนสูงสุดไว้ที่ 550-600 คน ซึ่งคาดว่าจะเต็มภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhN0RiS74eWiQxeeZ-dJOlrqYVe0xuQINVWY5Mt2LF2ak6zMVro9bgAlpbAA8D_EVLdYDpdK226fkLe4dbHiIK8pAZwBAMnzhbI20HZOeKEFEIVj-lnvuvxevv4pmTBM62pYgRFdyI9_v8b-SGgBx18LsdG13WFCpI_8PISaDqDSQuSRBbAvFtqS2R5/s16000/as25.jpg)
ดร.ปาริตา กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำโรงเรียนนานาชาติแอสเตอร์ กรุงเทพ ได้รับความไว้วางใจจากพ่อแม่ผู้ปกครอง เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คือการให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพในทุกๆ ด้าน ทั้งครูผู้สอน ระบบการเรียนการสอน หลักสูตรที่ใช้ การออกแบบพื้นที่เรียน อาหาร ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาที่เปิดกว้างที่สุดให้กับเด็กนักเรียนทุกคน พร้อมพัฒนาคุณภาพการศึกษาในระยะยาว ซึ่งถือเป็น Commitment ที่โรงเรียนมีกับเด็กๆ ทุกคน โดยเชื่อว่าองค์ประกอบทั้งหมดนี้จะทำให้โรงเรียนนานาชาติ แอสเตอร์ กรุงเทพ จะสามารถก้าวไปสู่โรงเรียนนานาชาติชั้นนำที่พ่อแม่ผู้ปกครองนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ
สำหรับแนวโน้มของโรงเรียนนานาชาติจากนี้ มองว่ายังตงเติบโตต่อเนื่อง จากเทรนด์ของ Global ที่ทุกสิ่งเชื่อมถึงกัน ทำให้ด็กๆ สามารถหาความรู้ได้ไม่ใช่แค่ในเมืองไทย รวมถึงการทำงานในอนาคตที่จะมีความ Global มากขึ้น ซึ่งโรงเรียนนานาชาติสามารถตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้อย่างชัดเจน ด้วยหลักสูตร ภาษา และวิธีการสอนที่ให้เด็กคิด และประยุกต์ใช้ เพื่อสามารถรับมือกับกระแสโลกที่เปิดกว้าง และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
No comments:
Post a Comment