สำหรับ MTW ถือเป็นผู้ประกอบการในหมวดกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท และรับจ้างผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (OEM) พร้อมกันนี้ได้ลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในนาม บริษัท เดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ MTW ถือหุ้นร้อยละ 85 ฉะนั้นกล่าวโดยสรุปได้ว่า MTW เรามีกลุ่มธุรกิจอยู่ 2 รายการ คือ
(1) ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปภายใต้ตราสินค้าซึ่งจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัท ได้แก่ “Anoko” “Noble” “Over Bick’C” และ “S Sport” และตราสินค้าอื่นๆ เช่น “SuperKool” เป็นต้น ลักษณะการจำหน่ายสินค้าเป็นการขายผ่านหน้าร้านสาขาทั้ง 2 แห่ง และขายผ่านหน้าโรงงาน ปัจจุบันมีร้านทำเลที่ตั้งอยู่ในแหล่งซื้อขายปลีก-ส่งเสื้อผ้าสำเร็จรูปหลักของประเทศไทย มีกำลังสามารถผลิตเสื้อสำเร็จรูปรวม 1.8 ล้านตัวต่อปี
(2) ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้เครื่องหมายการค้า DECO บริษัทมีตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ากระจายอยู่ทั่วประเทศและมีกำลังการผลิตรวมในเบื้องต้น อยู่ที่ 50,000 คันต่อปี หลังจากโรงงานผลิตแห่งใหม่สร้างเสร็จและพร้อมเดินไลน์ผลิตได้เต็มที่ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจ ผลิต และจำหน่ายยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าภายในประเทศ และกำลังวางแผนการส่งออกต่างประเทศ โดยมีสินค้าดังต่อไปนี้ Electric Motorcycles (มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า) , Electric Bicycles (จักรยานไฟฟ้า) , Spare Parts (ชิ้นส่วนอะไหล่) และ Lithium Batteries (แบตเตอรี่ลิเธียม)ขณะที่รายได้ในปี 2564 กลุ่มบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูป คิดเป็นร้อยละ 58 : 42 สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย ธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปทั้งขายส่งผ่านโรงงานและขายผ่านหน้าร้านในสัดส่วนประมาณร้อยละ 75 : 25 ตามลำดับ ส่วนธุรกิจรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจะจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายเป็นหลัก
ผลประกอบการไตรมาสที่ 1/66
สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา โดยขณะนี้จักรยานยนต์ไฟฟ้า DECO มียอดจดทะเบียนแล้วกว่าหมื่นคัน พร้อมกันนี้อีกปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ DECO ได้รับความเชื่อมั่นคือ การสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ ที่ทางบริษัท เดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด ได้ลงนามเข้าร่วมโครงการ โดยผู้ที่ซื้อจักรยานยนต์กับทาง DECO จะได้สิทธิประโยชน์จากเงินอุดหนุน 18,000 บาทต่อคัน
มั่นใจเติบโตในไตรมาสที่ 2-3 /66
นายกฤตเมธ ระบุว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี เชื่อมั่นว่า MTW จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมี 2 ปัจจัยหนุนดังนี้
1.ภายไต้ MTW บริษัท DECO ที่กำลังสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตนั้น ขณะนี้โรงงานแห่งใหม่นี้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 95% แล้ว โดยข้อมูลล่าสุด (เดือนมิถุนายน 2566) ระบุว่าเครื่องจักรไลน์ผลิตที่ทันสมัยได้ส่งมาถึงโรงงานแล้ว อยู่ระหว่างกำลังติดตั้ง ซึ่งสามารถผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า DECO มากกว่าปัจจุบันหลายเท่า ทั้งนี้คาดว่าเมื่อติดตั้งแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่า 4-5 เท่าหรือกว่า 4000-5000 คัน/เดือน ตั้งเป้าปีนี้ยอดขายอยู่ที่ 15,000 คัน และที่สำคัญโรงงานแห่งนี้ออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน เพื่อสะท้อนการดำเนินงานและการกำกับกิจการที่ดีภายใต้หลักธรรมาภิบาล
2.อุปสงค์ยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น ข้อมูลจากกรมขนส่งทางบกระบุไว้ว่าในปี 2565 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวเลขการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เติบโตเพิ่มขึ้นเกือบๆ 400% พร้อมกันนี้เรื่องของน้ำมันที่ยังมีราคาผันผวนปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น จากปัจจัยข้างต้น DECO ถือเป็นหนึ่งทางเลือกในตลาดจักรยานยนต์ไฟฟ้า
มุ่งสร้างถนนสีเขียว
นายกฤตเมธ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมากับยอดขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เดโก้ สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวน 11,578 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ (tCO2e) หรือ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ใหญ่จำนวน 1,253,135 ต้น และที่สำคัญเป้าหมายใหญ่ของ MTW คือ เดินหน้าสานต่อพันธกิจที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจทั้งในแง่ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าผ่านรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามีส่วนช่วยสำคัญในการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยภาครัฐในการขับเคลื่อนนโยบายสู่การใช้รถ EV ให้ได้ 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579
No comments:
Post a Comment