
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2565 ที่โรงแรมแมนดาริน สามย่าน กทม. มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับมูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนาหัวข้อ “ถอดรหัสรัก...สู่ความรุนแรงและฆาตกรรม” พร้อมทำการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ชุด “สมบัติ...รัก” โดยเครือข่ายละครเฉพาะกิจเธียเตอร์

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีภารกิจในการคุ้มครอง พิทักษ์สิทธิสตรีและการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และมีกลไกหน่วยงานในการช่วยเหลือ เยียวยา คุ้มครองสวัสดิภาพบุคคลในครอบครัว สามารถโทรเข้ามาได้ที่ 1300 ซึ่งจากปัญหาข้างต้นได้สร้างความบอบช้ำต่อสังคมไทยเป็นอย่างมาก การกระทำความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงในคู่รักถือเป็นภัยใกล้ตัวที่ลุกลามไปสู่ลูกหลาน ซึ่งเป็นการผลิตซ้ำมายาคติโดยเฉพาะการมองปัญหาเป็นเรื่องครอบครัวหรือเป็นเรื่องส่วนตัว

เมื่อพิจารณาสาเหตุพบว่ามาจากหึงหวง ระแวงว่านอกใจ ตามง้อไม่สำเร็จ และจะพบว่าตอนก่อเหตุส่วนใหญ่เมาเหล้า เสพยา และความขัดแย้งเรื่องหนี้สิน ตามลำดับ และอาวุธที่ใช้ส่วนใหญ่คือปืน
สำหรับสาเหตุที่ผู้หญิงถูกคนรักฆาตกรรมเพิ่มขึ้นทุกปี มาจากปัจจัยโครงสร้างทางสังคม วัฒนธรรม และค่านิยมที่คาดหวัง หล่อหลอมให้ผู้ชายเป็นผู้นำครอบครัว ผู้หญิงมีบทบาทด้อยกว่า ความไม่เสมอภาค, ทัศนคติมองความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องส่วนตัว, นิสัยส่วนตัว, ครอบครัวเคยมีการใช้ความรุนแรง และสุรา ยาเสพติดเป็นปัจจัยกระตุ้น เพราะทำให้ขาดสติ นิสัยและพฤติกรรมเปลี่ยนไป
สอดคล้องกับการศึกษาของสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พบคดีฆ่าหั่นศพตั้งแต่ปี 2534 ถึงปัจจุบัน (เฉพาะทราบชื่อ) จำนวน 10 ราย ผู้ก่อเหตุเป็นเพศชาย 7 ราย เพศหญิง 3 ราย ส่วนใหญ่ไม่ได้ป่วยโรคทางจิตเวช แต่กระทำเพื่อทำลายหลักฐานอำพรางคดี ส่วนที่เป็นผู้ป่วยจิตเวชมี 3 รายทำเพราะอาการกำเริบ ไม่ได้รับประทานยาจิตเวชต่อเนื่อง ไม่ได้รักษา หรือมีการใช้สารเสพติด ดื่มสุรา
สอดคล้องกับการศึกษาของสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พบคดีฆ่าหั่นศพตั้งแต่ปี 2534 ถึงปัจจุบัน (เฉพาะทราบชื่อ) จำนวน 10 ราย ผู้ก่อเหตุเป็นเพศชาย 7 ราย เพศหญิง 3 ราย ส่วนใหญ่ไม่ได้ป่วยโรคทางจิตเวช แต่กระทำเพื่อทำลายหลักฐานอำพรางคดี ส่วนที่เป็นผู้ป่วยจิตเวชมี 3 รายทำเพราะอาการกำเริบ ไม่ได้รับประทานยาจิตเวชต่อเนื่อง ไม่ได้รักษา หรือมีการใช้สารเสพติด ดื่มสุรา

ดร.ชเนตตี ทินนาม อาจารย์ประจำภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัญหาการทำร้าย หรือฆาตกรรมในครอบครัว ที่มีสามีหรือผู้ชายเป็นผู้ก่อเหตุ เกิดขึ้นในสังคมปิตาธิปไตย ที่ผู้ชายจะมองว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า เป็นสมบัติ เป็นตุ๊กตา หรือของสะสมที่จะเก็บ หรือจัดการอย่างไรก็ได้ เช่นกรณีชายฆ่าหั่นศพแฟนสาวที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อฟังจากการให้สัมภาษณ์ที่ระบุว่าตัวเองเป็นคนเลี้ยงดูผู้หญิงคนนี้มาตลอด แต่กลับไม่ยอมเปิดเผยสถานะให้สังคมรู้ เลยลงมือฆ่า ซึ่งทั้งที่จริงตัวผู้ชายคนนี้ก็มีคนรักอยู่แล้ว ตรงนี้ก็จะสะท้อนว่ามองผู้หญิงเป็นเหมือนตุ๊กตา เป็นของสะสม
ทั้งนี้แนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาคือ 1. แยกคดีฆาตกรรมในครอบครัวออกจากคดีฆาตกรรมอื่น ถอดบทเรียนวิเคราะห์จะได้เห็นปัญหาที่ซ่อนอยู่และแก้ไขปัญหา 2.เพิ่มหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องความสัมพันธ์ชาย หญิง การเข้าสู่ความสัมพันธ์ ที่ต้องเคารพความเสมอภาค เคารพสิทธิเนื้อตัวของผู้อื่น และรู้จักการถอยออกจากความสัมพันธ์ด้วยความเคารพต่อกันและกัน ทั้งนี้หากทำตรงนี้ได้จะเป็นภูมิคุ้มกันให้กับเด็กๆ เมื่อเติบโตขึ้น สามารถแยกแยะความสัมพันธ์ 8สามารถกลั่นกรองสื่อต่างๆ ที่อยู่ในยุคหาสื่อดีๆ ได้ยาก
ทั้งนี้แนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาคือ 1. แยกคดีฆาตกรรมในครอบครัวออกจากคดีฆาตกรรมอื่น ถอดบทเรียนวิเคราะห์จะได้เห็นปัญหาที่ซ่อนอยู่และแก้ไขปัญหา 2.เพิ่มหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องความสัมพันธ์ชาย หญิง การเข้าสู่ความสัมพันธ์ ที่ต้องเคารพความเสมอภาค เคารพสิทธิเนื้อตัวของผู้อื่น และรู้จักการถอยออกจากความสัมพันธ์ด้วยความเคารพต่อกันและกัน ทั้งนี้หากทำตรงนี้ได้จะเป็นภูมิคุ้มกันให้กับเด็กๆ เมื่อเติบโตขึ้น สามารถแยกแยะความสัมพันธ์ 8สามารถกลั่นกรองสื่อต่างๆ ที่อยู่ในยุคหาสื่อดีๆ ได้ยาก

"ผมสารภาพและยอมรับผิดทุกอย่างไม่มีการต่อสู้คดีแต่อย่างใด ยอมรับกรรมจากสิ่งที่ตัวเองทำ สิ่งที่เกิดขึ้นตนเสียใจมากที่กินเหล้าแล้วโมโหร้าย ทำเกินกว่าเหตุ แม้ติดคุกก็ไม่สาสม จึงอยากให้ความผิดพลาดของตนเป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อลดปัญหาลง ตอนนี้แม้สภาพจิตใจจะดีขึ้น แต่ตราบาปในใจไม่เคยหายไปไหน"
No comments:
Post a Comment