

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยปี 65 ที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและบริเวณภาคกลางส่งผลให้ในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่มในลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำสะแกกรัง ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำท่าจีน และลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งสถานการณ์ ณ ช่วงเวลาปัจจุบัน ยังคงต้องเฝ้าระวังและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด ปัจจัยสำคัญที่ถูกกล่าวถึงสำหรับการวิเคราะห์สถานการณ์สำหรับการบริหารจัดการน้ำในช่วงวิกฤติ คือ ข้อมูลปริมาณฝนและปริมาณน้ำท่า เพราะถ้าเราสามารถรู้ปริมาณน้ำท่าหรือปริมาณน้ำในแม่น้ำล่วงหน้าได้ จะทำให้เราสามารถรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดปัญหาจากน้ำ ได้แก่ น้ำท่วม การขาดแคลนน้ำในอนาคตได้
ดังนั้น ข้อมูลนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการวางแผนบริหารจัดการน้ำและกำหนดแนวทางในการระบายน้ำ ภายใต้โครงการวิจัยเข็มมุ่งด้านการบริหารจัดการน้ำซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้มีชุดโครงการวิจัย CO-RUN สำหรับการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งทำการศึกษาทั้งทางด้านการพยากรณ์ปริมาณฝนล่วงหน้า 14 วัน ล่วงหน้า 3 เดือน โดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) และการคาดการณ์ปริมาณน้ำท่าโดยการประยุกต์ใช้การพยากรณ์ฝนดังกล่าวกับแบบจำลองน้ำฝน-น้ำท่า DWCM-AgWU ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งปริมาณน้ำท่าคาดการณ์ที่จุดต่างๆ สามารถเป็นข้อมูลสำหรับสนับสนุนการตัดสินใจสำหรับการวางแผนบริหารจัดการน้ำและกำหนดแนวทางในการระบายน้ำในช่วงวิกฤติอุทกภัยที่เกิดขึ้นบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาในช่วงเวลานี้

ผศ.ดร.จุติเทพ วงษ์เพชร เปิดเผยถึงสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและบริเวณภาคกลาง ในปัจจุบัน (โดยได้รับการสนับสนุนจาก วช. จากงบประมาณงบการบริหารทุนโครงการวิจัย CO-RUN ในแผนงานวิจัยเข็มมุ่งด้านการจัดการน้ำ ปีที่ ๒ ที่มี รศ.ดร. สุจริต คูณธนกุลวงศ์ เป็นประธานแผนงานฯ)

No comments:
Post a Comment