![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj95TjgXz4Nmy9zyHT3kuHDuvjYaBv9yJcwDJbGUBw6BbIt8j44FtWWhFeY9G6cjJHTUgklU6CfgTgga7HKFycsVR6sf1RYueaHHIkIjwz0jxhHG2A2Jg-9tKIEHsRWhleYoHi_-EqV1Wc3rOOil32f1A-hS1j2blSIvmFZI1zhOQTn2Bn98P-9YUD_gmY/s16000/CCW_0855.jpg)
ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากองค์การอนามัยโลก (WHO) สำนักงานใหญ่ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายแอลกอฮอล์ และผู้แทนจากประเทศเนปาล ศรีลังกา ติมอร์เลสเต ภูฏาน รวมจำนวน 60 คน เข้าศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนหารือการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพและควบคุมผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของ สสส. และภาคีเครือข่าย
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ กล่าวว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนร่วมกันของนานาชาติในการลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับที่เป็นอันตราย และบรรเทาผลกระทบที่มีผลต่อสุขภาพจากแอลกอฮอล์ ผ่านมาตรการสำคัญด้านการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ การห้ามขายให้เด็กเยาวชน การห้ามขายในเวลาที่กำหนด การขึ้นภาษีสรรพสามิต การห้ามโฆษณา อันเป็นแนวทางที่มาจากองค์ความรู้และหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เสนอแนะโดยองค์การอนามัยโลกต่อประเทศสมาชิกทั่วโลก โดยมีบทเรียนส่วนหนึ่งจากการทำงานที่ผ่านมา สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่ายภายใต้นวัตกรรมการเงินการคลังเพื่อสุขภาพที่นำส่วนภาษีสรรพสามิตเพิ่มจากสุรามาดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพในประชากรรวมถึงการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยผู้แทนจากหลายประเทศได้นำสถานการณ์และบริบทของประเทศตนเองมาร่างแนวปฏิบัติการ และแลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจและวิธีการใหม่ๆในการแก้ปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศตน
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh9IxZ3WcOswMxCnN2pro2tRT_aidTgai5SGT6GDmBGDLpxpAoY7F1yeuEdD4tFC3Z5DUbKXkJTyNgAlRUYu-Ciu7PVxRVnEPWtWz_yYtofpESUrsYLEGbKkQLAmv1zf5rV8DdcoBx86ZF8vq_T30a5o2YDdpXYAGmlYaQWWnhbTcKghTJ1algvq7w4bAQ/s16000/CCW_0877.jpg)
“สสส. ยังได้ปรับสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเป็นสังคมที่ปลอดภัยจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังเช่น การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมสู่งานบุญประเพณีปลอดเหล้า อาทิ ประเพณีสงกรานต์ ปีใหม่ งานแข่งเรือ การงดเหล้าเข้าพรรษา ฯลฯ ทำให้เกิดกระแสรณรงค์อย่างต่อเนื่องมาตลอดสองทศวรรษ โดยมีผู้ร่วมลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง “งดเหล้าเข้าพรรษา” อย่างน้อย 30% มาอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนเครือข่ายภาคสังคมร่วมเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมาย และเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมทำให้พฤติกรรมการดื่มหนักของคนไทยมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติอัตราการดื่มในระดับอันตรายลดลงจากร้อยละ 13.94 ในปี 2557 เหลือเพียงร้อยละ 10.05 ในปี 2564” นพ.พงศ์เทพ กล่าว
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiGnGZ-jps8qMjsK5N6NvFn8U49k5k3aPrCVCFdtmkPPgwm7U1VSviybSuv2rpCB3nIee6VEZO-MJZRp4P_YzyDiwKGvwMq7NZRmo3y9Y7RsxA7pYvs4eQzX_Jxs5LryQcKq_b0qm_kTPzPLQUJ6VIXBhnVcjEDtS7OydAXs0hG_QOhOluJ60XGCLT3STU/s16000/CCW_0794.jpg)
No comments:
Post a Comment