ร้องสส. ไผ่ ลิกค์ เร่งบังคับใช้กฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า - BIZTHAI POST

BIZTHAI POST

The Thai Biz Website

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Tuesday, August 8, 2023

ร้องสส. ไผ่ ลิกค์ เร่งบังคับใช้กฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า


ขอเรียกร้องให้ สส. ไผ่ ลิกค์ เร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า

     ศ.นพ. ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เรียกร้องให้ สส. ไผ่ ลิกค์ เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ระหว่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ที่สภาผู้แทนราษฎรจะมีการตั้งขึ้น

     ผมเห็นด้วยกับท่าน ไผ่ ลิกค์ สส.จังหวัดกำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ผู้เสนอญัตติให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ศึกษาการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ที่ให้ข่าวว่า  "โทษของบุหรี่ไฟฟ้าต่อสุขภาพ ยังเป็นที่สงสัยว่าเป็นโทษต่อร่างกายมากน้อยเพียงไร  และยังไม่มีงานวิจัยที่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวนหรือไม่” 

     ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีขององค์การอนามัยโลก ที่ยืนยันว่า ผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพของบุหรี่ไฟฟ้า ยังไม่มีใครรู้

      และการจะเคาะว่าอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้ามีมากน้อยเพียงไร ต้องกลับไปศึกษาบทเรียนจากอันตรายของบุหรี่ธรรมดา

      บุหรี่ธรรมดาเริ่มแพร่หลายช่วงต้น ค.ศ. 1900 หลังจากมีการใช้เครื่องจักรผลิตบุหรี่มวนเป็นอุตสาหกรรม มีการตลาด การโฆษณาที่ทำให้การสูบบุหรี่แพร่ระบาดในอเมริกาและลามไปทั่วโลก

      ช่วงปี ค.ศ. 1930 นักสถิติเริ่มพบอัตราการเป็นมะเร็งที่เพิ่มขึ้น และแพทย์มีการผ่าตัดมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น 

      จนอีก 34 ปีต่อมา ค.ศ. 1964 จึงมีการประกาศอย่างเป็นทางการโดยกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอเมริกาว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของมะเร็งปอดและโรคเรื้อรังอื่น ๆ

      แต่บริษัทบุหรี่ก็ไม่ยอมรับและโต้แย้งการประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอเมริกา 

      จน อีก 42 ปีต่อมา ปี ค.ศ. 2006 ศาลในอเมริกาจึงมีคำตัดสินว่า บริษัทบุหรี่มีการปกปิด หลอกลวง คนอเมริกันถึงอันตรายของบุหรี่มวนอย่างเป็นระบบ  มีความผิดฐานองค์กรอั้งยี่ และสั่งห้ามปฏิเสธถึงอันตรายของการสูบบุหรี่อีก

      จะเห็นว่าบุหรี่ธรรมดา ใช้เวลาถึง 60 ปี หลังจากที่การสูบบุหรี่แพร่หลาย จึงมีการประกาศว่าบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งปอดและโรคร้ายแรงอื่น ๆ และใช้เวลาอีก 40 ปี กว่าที่ศาลจะลงโทษห้ามบริษัทบุหรี่บิดเบือน หลอกลวงสังคมถึงอันตรายของการสูบบุหรี่ต่อไปอีก

     หันกลับมาดูบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเพิ่งระบาดในอเมริกาเมื่อ 10 ปีเศษมานี้เอง โดยอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเท่ากับ 1.5% ปี ค.ศ. 2011 และเพิ่มขึ้นเป็น 27.5% ปี ค.ศ.2019 และการระบาดในประเทศอื่น ๆ เกิดขึ้นหลังอเมริกา บุหรี่ไฟฟ้าจึงมีการสูบแพร่หลายเมื่อ 10 ปีกว่ามานี้เอง และรายงานถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าทะยอยมีออกมาเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

      โดยรายงานที่ทบทวนงานวิจัย 192 ชิ้น เมื่อ ค.ศ. 2019 ที่ศึกษาถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าต่อปอด สรุปว่า หลักฐานเท่าที่มี ยังไม่สามารถสรุปว่า อันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าต่อปอด น้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาหรือไม่

      ขณะที่รายงานอีกชิ้นหนึ่งที่ทบทวนงานวิจัย 133 ชิ้น ถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า สรุปว่า  ยังไม่มีหลักฐานที่จะยืนยันข้ออ้างที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา

      ดังนั้น เราจึงต้องติดตามงานวิจัยถึงผลกระทบต่อสุขภาพของบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีการศึกษากันทั่วโลก และยึดแนวทางที่องค์การอนามัยโลกเสนอแนะในการกำหนดนโยบายที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย

      ประเทศไทยมีกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่ พ.ศ. 2557-58 แต่ปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมายยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ทำให้เกิดการระบาด โดยเฉพาะในเด็กนักเรียนและวัยรุ่น จึงอยากฝากให้กรรมาธิการวิสามัญที่จะตั้งขึ้น ให้ความสำคัญกับการกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้เป็นลำดับแรก ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพราะไม่ว่าจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิกการห้ามขาย หากการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนไม่มีประสิทธิภาพ ประเทศไทยก็จะไม่ได้รับประโยชน์เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นจากการยกเลิกการห้ามขายตามที่คิดไว้

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad





Pages