‘สุรศักดิ์’ตรวจความพร้อมศูนย์ฉายรังสี สทน.ชูศูนย์ครบวงจร ดันสมุนไพรไทยสู่มาตรฐานสากล - BIZTHAI POST

BIZTHAI POST

The Thai Biz Website

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Tuesday, November 11, 2025

‘สุรศักดิ์’ตรวจความพร้อมศูนย์ฉายรังสี สทน.ชูศูนย์ครบวงจร ดันสมุนไพรไทยสู่มาตรฐานสากล



อว. เร่งเครื่องใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์! ‘สุรศักดิ์’ ตรวจความพร้อมศูนย์ฉายรังสี สทน. ประกาศยกระดับสู่ศูนย์ครบวงจร ดันสมุนไพรไทยสู่มาตรฐานสากล พร้อมเผยผลตรวจยาดมสมุนไพร พบเชื้อเกินมาตรฐาน ชี้เทคโนโลยีฉายรังสีแกมมา–ลำอิเล็กตรอน สามารถทำให้ปลอดเชื้อได้ตามมาตรฐาน

10 พฤศจิกายน 2568 – นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมคณะได้ตรวจความพร้อมของศูนย์ฉายรังสี และเป็นประธานแถลงข่าว “การยกระดับศูนย์ฉายรังสีครบวงจร เพื่อพัฒนาสมุนไพรไทยสู่มาตรฐานสากล” ณ ศูนย์ฉายรังสี สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ณ เทคโนธานี คลอง 5 จ.ปทุมธานี

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเยี่ยมชมศูนย์ฉายรังสีของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ หรือ สทน. นับเป็นอีกก้าวสำคัญของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการนำ “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” มาขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์สำคัญของกระทรวง อว. ที่มุ่ง “ยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน


ทั้งนี้เทคโนโลยีฉายรังสีเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าปลอดภัย ปราศจากสารตกค้าง และไม่ทำลายคุณค่าของผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ใช้เทคโนโลยีนี้ในการยืดอายุสินค้าเกษตร อาหาร และสมุนไพร โดยได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) วันนี้สทน. ได้ยกระดับศูนย์ฉายรังสีขึ้นเป็น “ศูนย์ฉายรังสีครบวงจร”



โดยศูนย์แห่งนี้มีโครงสร้างพื้นฐานครบถ้วน ทั้งดำเนินงานโดยทีมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสี ซึ่งได้รับการฝึกอบรมและรับรองตามมาตรฐานสากล และมีเทคโนโลยีรังสีแกมมา อิเล็กตรอน และรังสีเอกซ์ รวมถึงห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยาที่สามารถตรวจเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคที่สำคัญ และกำหนดปริมาณรังสีก่อนและหลังการฉายได้ในที่เดียว ซึ่งนับเป็นโรงงานฉายรังสีแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ให้บริการในรูปแบบนี้


“ศูนย์ฉายรังสีครบวงจร” สามารถให้บริการตั้งแต่การตรวจวิเคราะห์ การฉายรังสี การตรวจสอบคุณภาพ ไปจนถึงการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs และชุมชนผู้ผลิตสมุนไพร สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้รับบริการครบจบในที่เดียว และยกระดับศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างแท้จริงง  ซึ่งตลาดสมุนไพรของไทย ปัจจุบันมีมูลค่าสูงกว่า หกหมื่นล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตได้ถึง หนึ่งแสนล้านบาทในอนาคตอันใกล้ ดังนั้น การนำเทคโนโลยีการฉายรังสีมาใช้ยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้ตามมาตรฐานสากล จะเป็นบทบาทสำคัญในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยให้เติบโตและแข่งขันในตลาดโลกได้


กระทรวง อว. จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันให้ “ศูนย์ฉายรังสีครบวงจร” ขยายการให้บริการไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ และก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีฉายรังสีของประเทศและของภูมิภาคอาเซียน เป็นต้นแบบของการใช้ “วิทยาศาสตร์เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก” และการทำงานแบบบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อ “ยกระดับชุมชนและ SMEs” ให้สอดคล้องกับนโยบาย Quick Win ของกระทรวง อว.”



ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. เปิดเผยว่า จากการดำเนินการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ยาดมสมุนไพร ที่วางจำหน่ายในท้องตลาด พบว่ามี เชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนเกินกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด สทน. จึงได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อด้วยรังสี เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ผลการทดลองพบว่า การฉายรังสีอิเล็กตรอนในปริมาณ 20 กิโลเกรย์ (kGy) สามารถกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ได้ทั้งหมด และทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด


นอกจากนี้ยังพบว่า การฉายรังสีแกมมาและรังสีอิเล็กตรอนในปริมาณ 15 กิโลเกรย์ ยังสามารถลดปริมาณเชื้อให้อยู่ในระดับต่ำมากจนเป็นไปตามมาตรฐานเช่นกัน แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีการฉายรังสีมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิธีการฆ่าเชื้อแบบดั้งเดิม  เช่น การอบด้วยความร้อน หรือการใช้รังสีอัลตราไวโอเลต (UV)





ทั้งนี้ สทน. ยังได้ทำการศึกษาหาต้นตอของการปนเปื้อน โดยวิเคราะห์องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ใน 3 ส่วน ได้แก่   1. บรรจุภัณฑ์ 2. สำลีชุบน้ำมันหอมระเหย และ 3. สมุนไพรแห้งที่บรรจุในผ้าตาข่าย ผลการตรวจวิเคราะห์พบว่า แหล่งที่มาของเชื้อจุลินทรีย์ส่วนใหญ่เกิดจากสมุนไพรแห้ง ซึ่งเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่อาจมีความชื้นตกค้างและพื้นผิวขรุขระ จึงเป็นแหล่งสะสมของเชื้อได้ง่าย ขณะที่ส่วนของบรรจุภัณฑ์และสำลีชุบน้ำมันหอมระเหยไม่พบการปนเปื้อน


จากผลการศึกษานี้ เราแนะนำให้ผู้ผลิตใช้การฆ่าเชื้อด้วยรังสีแกมมาหรือลำอิเล็กตรอนในวัตถุดิบสมุนไพรแห้งก่อนนำไปปรุงเป็นผลิตภัณฑ์ จะช่วยกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ ยีสต์ รา และเชื้อก่อโรคอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่อคุณภาพหรือกลิ่นของสมุนไพร


รศ.ดร. ธวัชชัย กล่าวต่อว่า เทคโนโลยีฉายรังสีมีความปลอดภัยไม่มีรังสีตกค้าง นอกจากนั้นยังมีข้อดีด้านต้นทุนการผลิต เพราะสามารถฆ่าเชื้อเฉพาะในวัตถุดิบสมุนไพรได้ โดยไม่จำเป็นต้องฆ่าเชื้อในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปทั้งหมด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเสื่อมสภาพของน้ำมันหอมระเหยที่ไวต่อความร้อน และสามารถรักษากลิ่นหอมตามธรรมชาติของผลิตภัณฑ์ได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันการฉายรังสียังช่วยให้ผู้ผลิตสามารถ ควบคุมคุณภาพได้อย่างแม่นยำ ผ่านการตรวจสอบผลการฆ่าเชื้อในแต่ละล็อตของสมุนไพรโดยตรง เป็นแนวทางที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมสมุนไพรยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานและความปลอดภัย


เทคโนโลยีการฆ่าเชื้อด้วยการฉายรังสี เป็นอีกทางเลือกสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยให้ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

ในช่วงท้าย รศ.ดร. ธวัชชัย อ่อนจันทร์ กล่าวเชิญชวนผู้ประกอบการนำเทคโนโลยีมาแก้ปัญหาผลิตภัณฑ์ว่า “ผมเชื่อมั่นว่า เทคโนโลยีลำอิเล็กตรอนนี้คือทางเลือกที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ที่จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยมีความปลอดภัยและมีมาตรฐานระดับโลก”


“ขอเชิญชวนผู้ประกอบการทุกท่านมาใช้บริการ หากท่านยังไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือมีข้อสงสัยใดๆ สามารถปรึกษาหารือกับทีมผู้เชี่ยวชาญของเราได้ทันที เรามีห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยา         ที่พร้อมให้บริการตรวจวิเคราะห์เชื้ออย่างแม่นยำ และสามารถฉายรังสีด้วยลำอิเล็กตรอนได้ปริมาณมากกว่า 5 ตันต่อวัน  สทนพร้อมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของท่าน และสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับสมุนไพรไทยไปพร้อมกัน

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad





Pages