
10 พฤศจิกายน 2568 – นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมคณะได้ตรวจความพร้อมของศูนย์ฉายรังสี และเป็นประธานแถลงข่าว “การยกระดับศูนย์ฉายรังสีครบวงจร เพื่อพัฒนาสมุนไพรไทยสู่มาตรฐานสากล” ณ ศูนย์ฉายรังสี สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ณ เทคโนธานี คลอง 5 จ.ปทุมธานี

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเยี่ยมชมศูนย์ฉายรังสีของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ หรือ สทน. นับเป็นอีกก้าวสำคัญของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการนำ “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” มาขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์สำคัญของกระทรวง อว. ที่มุ่ง “ยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
ทั้งนี้เทคโนโลยีฉายรังสีเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าปลอดภัย ปราศจากสารตกค้าง และไม่ทำลายคุณค่าของผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ใช้เทคโนโลยีนี้ในการยืดอายุสินค้าเกษตร อาหาร และสมุนไพร โดยได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) วันนี้สทน. ได้ยกระดับศูนย์ฉายรังสีขึ้นเป็น “ศูนย์ฉายรังสีครบวงจร”
โดยศูนย์แห่งนี้มีโครงสร้างพื้นฐานครบถ้วน ทั้งดำเนินงานโดยทีมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสี ซึ่งได้รับการฝึกอบรมและรับรองตามมาตรฐานสากล และมีเทคโนโลยีรังสีแกมมา อิเล็กตรอน และรังสีเอกซ์ รวมถึงห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยาที่สามารถตรวจเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคที่สำคัญ และกำหนดปริมาณรังสีก่อนและหลังการฉายได้ในที่เดียว ซึ่งนับเป็นโรงงานฉายรังสีแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ให้บริการในรูปแบบนี้
“ศูนย์ฉายรังสีครบวงจร” สามารถให้บริการตั้งแต่การตรวจวิเคราะห์ การฉายรังสี การตรวจสอบคุณภาพ ไปจนถึงการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs และชุมชนผู้ผลิตสมุนไพร สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้รับบริการครบจบในที่เดียว และยกระดับศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างแท้จริงง ซึ่งตลาดสมุนไพรของไทย ปัจจุบันมีมูลค่าสูงกว่า หกหมื่นล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตได้ถึง หนึ่งแสนล้านบาทในอนาคตอันใกล้ ดังนั้น การนำเทคโนโลยีการฉายรังสีมาใช้ยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้ตามมาตรฐานสากล จะเป็นบทบาทสำคัญในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยให้เติบโตและแข่งขันในตลาดโลกได้
กระทรวง อว. จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันให้ “ศูนย์ฉายรังสีครบวงจร” ขยายการให้บริการไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ และก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีฉายรังสีของประเทศและของภูมิภาคอาเซียน เป็นต้นแบบของการใช้ “วิทยาศาสตร์เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก” และการทำงานแบบบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อ “ยกระดับชุมชนและ SMEs” ให้สอดคล้องกับนโยบาย Quick Win ของกระทรวง อว.”
ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. เปิดเผยว่า จากการดำเนินการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ยาดมสมุนไพร ที่วางจำหน่ายในท้องตลาด พบว่ามี เชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนเกินกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด สทน. จึงได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อด้วยรังสี เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ผลการทดลองพบว่า การฉายรังสีอิเล็กตรอนในปริมาณ 20 กิโลเกรย์ (kGy) สามารถกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ได้ทั้งหมด และทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ยังพบว่า การฉายรังสีแกมมาและรังสีอิเล็กตรอนในปริมาณ 15 กิโลเกรย์ ยังสามารถลดปริมาณเชื้อให้อยู่ในระดับต่ำมากจนเป็นไปตามมาตรฐานเช่นกัน แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีการฉายรังสีมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิธีการฆ่าเชื้อแบบดั้งเดิม เช่น การอบด้วยความร้อน หรือการใช้รังสีอัลตราไวโอเลต (UV)
ทั้งนี้ สทน. ยังได้ทำการศึกษาหาต้นตอของการปนเปื้อน โดยวิเคราะห์องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ใน 3 ส่วน ได้แก่ 1. บรรจุภัณฑ์ 2. สำลีชุบน้ำมันหอมระเหย และ 3. สมุนไพรแห้งที่บรรจุในผ้าตาข่าย ผลการตรวจวิเคราะห์พบว่า แหล่งที่มาของเชื้อจุลินทรีย์ส่วนใหญ่เกิดจากสมุนไพรแห้ง ซึ่งเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่อาจมีความชื้นตกค้างและพื้นผิวขรุขระ จึงเป็นแหล่งสะสมของเชื้อได้ง่าย ขณะที่ส่วนของบรรจุภัณฑ์และสำลีชุบน้ำมันหอมระเหยไม่พบการปนเปื้อน
“จากผลการศึกษานี้ เราแนะนำให้ผู้ผลิตใช้การฆ่าเชื้อด้วยรังสีแกมมาหรือลำอิเล็กตรอนในวัตถุดิบสมุนไพรแห้งก่อนนำไปปรุงเป็นผลิตภัณฑ์ จะช่วยกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ ยีสต์ รา และเชื้อก่อโรคอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่อคุณภาพหรือกลิ่นของสมุนไพร”
รศ.ดร. ธวัชชัย กล่าวต่อว่า เทคโนโลยีฉายรังสีมีความปลอดภัยไม่มีรังสีตกค้าง นอกจากนั้นยังมีข้อดีด้านต้นทุนการผลิต เพราะสามารถฆ่าเชื้อเฉพาะในวัตถุดิบสมุนไพรได้ โดยไม่จำเป็นต้องฆ่าเชื้อในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปทั้งหมด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเสื่อมสภาพของน้ำมันหอมระเหยที่ไวต่อความร้อน และสามารถรักษากลิ่นหอมตามธรรมชาติของผลิตภัณฑ์ได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันการฉายรังสียังช่วยให้ผู้ผลิตสามารถ ควบคุมคุณภาพได้อย่างแม่นยำ ผ่านการตรวจสอบผลการฆ่าเชื้อในแต่ละล็อตของสมุนไพรโดยตรง เป็นแนวทางที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมสมุนไพรยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานและความปลอดภัย
“เทคโนโลยีการฆ่าเชื้อด้วยการฉายรังสี เป็นอีกทางเลือกสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยให้ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก”

ในช่วงท้าย รศ.ดร. ธวัชชัย อ่อนจันทร์ กล่าวเชิญชวนผู้ประกอบการนำเทคโนโลยีมาแก้ปัญหาผลิตภัณฑ์ว่า “ผมเชื่อมั่นว่า เทคโนโลยีลำอิเล็กตรอนนี้คือทางเลือกที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ที่จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยมีความปลอดภัยและมีมาตรฐานระดับโลก”
“ขอเชิญชวนผู้ประกอบการทุกท่านมาใช้บริการ หากท่านยังไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือมีข้อสงสัยใดๆ สามารถปรึกษาหารือกับทีมผู้เชี่ยวชาญของเราได้ทันที เรามีห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยา ที่พร้อมให้บริการตรวจวิเคราะห์เชื้ออย่างแม่นยำ และสามารถฉายรังสีด้วยลำอิเล็กตรอนได้ปริมาณมากกว่า 5 ตันต่อวัน สทน. พร้อมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของท่าน และสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับสมุนไพรไทยไปพร้อมกัน”





No comments:
Post a Comment