“เอสเอ็มเอส” ตอกย้ำผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรระดับเวิลด์คลาสเดินหน้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เสริมจุดแข็ง “คุณภาพ-ฟังก์ชั่นการใช้งาน”พร้อมต่อยอด “อุตสาหกรรมยา-อาหารสุขภาพ” ตอบโจทย์เทรนด์โลก
ทั้งนี้ หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของบริษัท ซึ่งเน้นตลาดส่งออก คือการร่วมงานแสดงสินค้าระดับสากลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ล่าสุดเพิ่งเข้าร่วมงาน “Fi Asia Thailand 2025” มหกรรมงานแสดงสินค้าเทคโนโลยีและนวัตกรรมส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่มแห่งเอเชีย ที่มีการเชื่อมโยงซัพพลายเออร์ระหว่างประเทศมากกว่า 600 ราย จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17-19 กันยายน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ผ่านมา โดยบริษัทชูธีม “Breakthrough Limit with Our Innovation along with Sustainability” ชูจุดแข็งของแป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified Tapioca Starch) ที่สามารถช่วยยกระดับคุณภาพในผลิตภัณฑ์อาหารได้อย่างหลากหลายและเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมเดินหน้านำเสนอเทรนด์ใหม่ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาโซลูชันและมุ่งเน้นช่วยผู้ผลิตและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารสร้างผลิตภัณฑ์ที่สอดรับกับเทรนด์ใหม่ของตลาดทั้งนี้ จากเป้าหมายดังกล่าว ตลอดเวลา 40 ของการดำเนินธุรกิจ บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างต่อเนื่อง เพื่อคิดค้นละพัฒนา สินค้าให้สอดคล้องกับเทรนด์ตลาดและความต้อง การของลูกค้า อาทิ อาหารแช่แข็งที่ยังคงความอร่อย หรือ ซอสแช่เย็นแต่ยังคงสภาพดี, อาหารเพื่อสุขภาพ ที่ชู 3 องค์ประกอบหลักคือ Healthy Clean และ Fiber นอกจากนี้ ยังมุ่งพัฒนาอาหารสำหรับผู้สูงอายุ และแป้งต้านทานการย่อย (Resistant Starch) ซึ่งมีคุณสมบัติไม่ถูกดูดซึมในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก แต่เป็น อาหารของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ เป็นต้น
สำหรับกลยุทธ์หลักในการแข่งขันของ “เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น” มุ่งให้ความสำคัญในเรื่อง “คุณภาพ” และ “ฟังก์ชันการใช้งาน” ที่ตอบโจทย์ลูกค้า ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจมากกว่าการแข่งขัน ด้านราคา โดยเน้นการทำวิจัยและพัฒนานวัตกรรมร่วมกับลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและ เทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น อาทิ เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ (Longevity) ได้แก่ อาหารที่กลืนง่าย หรืออาหารบด, การใช้แป้งเพื่อเพิ่มความรู้สึกหวาน หรือเค็มให้ติดอยู่ในปากได้นานขึ้น ทำให้สามารถลดปริมาณน้ำตาล หรือเกลือที่ใช้ได้ ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถตอบโจทย์ประเทศไทย เนื่องจากเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรและแปรรูป จำนวนมาก
“ความท้าทายหลักของธุรกิจ คือความผันผวนของราคาวัตถุดิบ และการแข่งขันจากแป้งคาร์โบไฮเดรต ชนิดอื่นๆ ที่ใช้ทดแทนกันได้ เช่น แป้งข้าวโพดและแป้งสาลี” นายเขม กล่าวกล่าว
สำหรับกลยุทธ์และทิศทางจากนี้ บริษัทพร้อมเดินหน้าขยายไลน์ธุรกิจใหม่ๆ ด้วยการนำนวัตกรรมแป้งมันสำปะหลัดดัดแปรไปต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม อาทิ อุตสาหกรรมการแพทย์ โดยบริษัทได้พัฒนานวัตกรรม สำหรับวงการยาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และเริ่มจำหน่ายเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา มีผลิตภัณฑ์คือ สารเพิ่มปริมาณ (excipients) ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาตรให้กับสูตรยา ช่วยให้ยาดูดซึมได้ดีขึ้น ให้ความคงตัว และป้องกันการสูญเสียสภาพของยา ปัจจุบันมีตลาดในประเทศและส่งออก ได้แก่ เวียดนาม, อินเดีย, และสหรัฐอเมริกา
กลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส หนึ่งในกลุ่มพูลผล ซึ่งก่อตั้งมากว่า 40 ปี เป็นผู้นำในการผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรคุณภาพสูงของประเทศไทยและของโลก ที่ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมที่หลากหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเป็นผู้ริเริ่มนำมันสำปะหลังซึ่งเป็นสินค้าสำคัญทางการเกษตรมาดัดแปรโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมอันทันสมัย ต่อยอดและเพิ่มมูลค่าให้แก่มันสำปะหลัง จนก่อเกิดเป็นแป้งมมันสำปะหลังดัดแปรที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหาร ยา กระดาษ สิ่งทอ กาว ปูน และรวมถึงพลาสติกชีวภาพ โดยบริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพที่ผลิตจากแป้งมันสําปะหลังดัดแปรรายแรกของประเทศไทย
ปัจจุบันกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส มีโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรทั้งหมด 3 แห่ง ในจังหวัดปทุมธานี ชัยภูมิ และบุรีรัมย์ ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 400,000 ตันต่อปี ส่งผลให้กลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส ครองตำแหน่งเป็นผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรของคนไทยรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

No comments:
Post a Comment