เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2568 ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 22 ดร.ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เปิดเผยถึงพืชสมุนไพรพื้นบ้าน “รางจืด” ที่มีคุณสมบัติล้างพิษได้ครอบจักรวาล ทั้งจากสารเคมี ยาฆ่าแมลง ไปจนถึงโลหะหนักและสารเสพติด โดยชี้ว่ารางจืดถูกใช้ในตำรับยาแผนไทยมายาวนาน ใช้เป็นยาเขียวลดไข้ ถอนพิษจากสัตว์ พืช อาหาร ยา สุรา และสารเคมีต่าง ๆ

ดร.ผกากรอง ระบุว่า โลหะหนักที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมมีแหล่งกำเนิดหลากหลาย ตั้งแต่ภูเขาไฟ โรงไฟฟ้า ขยะการแพทย์ อุตสาหกรรม เหมืองแร่ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ และการเกษตร สารพิษเหล่านี้ เช่น แคดเมียม ตะกั่ว ทองแดง สังกะสี เมื่อสะสมในร่างกาย อาจก่อโรคได้ตั้งแต่อัลไซเมอร์ โรคประสาท โรคตับ ไต ปอด กระดูกพรุน ไปจนถึงมะเร็ง
ดร.ผกากรอง ได้หยิบยกผลวิจัยจากโรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี ที่ได้ศึกษาประสิทธิภาพของ “ชารางจืด” ในการช่วยลดอาการถอนพิษยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า พบว่าอาการอยากยา ซึมเศร้า อ่อนแรง และกระวนกระวายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ป่วยนอนหลับดีขึ้น และเริ่มมีความอยากอาหาร นอกจากนี้ยังพบว่าสามารถลดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจได้สูงสุดถึง 93.32% เมื่อให้ผู้ทดลองชาย 58 คน ดื่มสุรา 40 ดีกรี แล้วให้แคปซูลรากรางจืด 2,000 มก. เปรียบเทียบกับยาหลอก
อีกงานวิจัยในกลุ่มชายที่มีภาวะขาดสุราเรื้อรัง พบว่าเมื่อให้ชารางจืดวันละ 3 เวลาก่อนอาหาร ติดต่อกัน 5 วัน กลุ่มที่ดื่มชารางจืดมีอาการถอนสุราน้อยลงชัดเจนในวันที่ 4 และ 5
“รางจืดช่วยได้สารพัด ตั้งแต่พิษแมงดาทะเล พิษพาราควอต ยาบ้า ยันแอลกอฮอล์ วิธีใช้กรณีพิษฉับพลัน เช่น เมาค้างหรือแพ้ยา ใช้ใบสด 3–5 ใบ เคี้ยวกลืนทั้งกาก หรือพอกตามผื่นคัน และยังสามารถแช่เท้าเพื่อลดพิษตกค้างในเลือดได้อีกด้วย สำหรับข้อควรระวัง ไม่ควรใช้รางจืดขนาดสูงติดต่อกันนานเกินไปเพราะอาจทำให้มือเท้าเย็น ร่างกายเสียสมดุลได้ และไม่แนะนำใช้ในหญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร คนที่กินยาวาร์ฟาริน เลี่ยงการกินพร้อมยาโรคประจำตัวแผนปัจจุบัน ” ดร.ผกากรอง กล่าว
2
No comments:
Post a Comment